ADIDAS SOLARBOOST มีอะไรใหม่ๆ มาดูกัน
ย้อนไปในปี ค.ศ. 2013 Adidas ได้เปิดตัวรองเท้ารุ่น ‘Energy Boost’ มีความพิเศษคือ ใช้ Boost ซึ่งเป็นโฟมอันเป็นวัสดุชนิดใหม่สร้างมา เพื่อมาทดแทนโฟม EVA แบบใช้กันอยู่ทั่วไป โดยมีคุณสมบัติ คือ มีความนุ่มสามารถรับแรง รวมทั้งสะท้อนแรงกลับคืนมาสูงมาก ! ในห้องทดลอง มีการโยนลูกเหล็กลงสู่วัสดุหลายชนิด เพื่อตรวจสอบการเด้งคืนเมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน โฟม Boost สามารถเด้งคืนได้สูงมาก หลังจากเปิดตัวออกมา ก็ได้กระแสตอบรับดีมาก จนรุ่นต่างๆ ตามมาอีกมากมาย
Nike ได้ออก React โฟมตัวใหม่ ทำให้ทาง Adidas ไม่ยอมอยู่เฉยๆ อีกต่อไป
หลังจากที่ Nike ประกาศออก React โฟมตัวใหม่ ที่มาพร้อมกับรองเท้าวิ่งรุ่น Nike Epic React Flyknit จนกระทั่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากนั้น ทำให้ทาง Adidas ก็ไม่น้อยหน้าพร้อมออกรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่อย่าง Adidas SOLARBOOST ซึ่งมีการนำเทคโนโลยี Tailored Fibre Placement เข้ามาผสมผสานเพื่อให้มีน้ำหนักเบา สามารถรองรับแรงกระแทก สวมใส่สบายขึ้น
Adidas SOLARBOOST รองเท้าวิ่งที่ได้รับแรงมาจาก NASA
โดย SOLARBOOST ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิศวกรรมขององค์กร NASA พร้อมสร้างด้วยนวัตกรรมดีที่สุด เพื่อให้รองเท้าวิ่งรุ่นนี้มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งต้องมาพร้อมกับน้ำหนักเบา จากการใช้เทคโนโลยี Tailored Fibre Placement จากการวางเส้นใยในวัสดุ Parley ก่อนที่จะเย็บด้วยความประณีต เมื่อสวมใส่ก็จะเกิดความสบาย, กระฉับเข้ากับเท้าอย่างไม่อึดอัด, น้ำหนักเบา รวมทั้งการ Support ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีน้ำหนักเพียง 295 กรัมเท่านั้น โดยเฉพาะรองเท้าผู้ชาย SIZE 8.5UK จะมีน้ำหนักน้อยลงกว่ารุ่น Energy Boost ถึง 15 กรัมเลยทีเดียว
นอกจากโฟมที่มีความพิเศษมากขึ้นแล้วยังมีการพัฒนาเทคโนโลยี Energy Rail ซึ่งนำมาใช้งานร่วมกับ BOOST เพื่อเพิ่มความเป็นเถียรภาพมากขึ้น และยังมีการเพิ่มขนาดพื้นให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ในส่วนของ Midsole ยังคงเป็นโฟม BOOST มากถึง 85% ซึ่งช่วยในเรื่องของการรองรับแรงกระแทก ทางด้าน Outsole ก็เป็นพื้นยางที่เหมาะกับการเดิน และวิ่งได้อย่างลงตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ทาง Adidas ยังมีการเปรียบเทียบให้ผู้รักรองเท้า ให้เห็นภาพกับ Nike Epic React Flyknit ว่าตัว SOLARBOOST รุ่นมีการตอบสนองอย่างฉันพลัน อีกทั้งยังสามารถเด้งคืนกลับได้ดีกว่า จากการวิจัยภายใน ตลอดจนเสียงยืนยันจาก Partner อื่นๆ
สำหรับรองเท้ารุ่นนี้จะมีราคาอยู่ที่ $160 หรือประมาณ 5,200 บาท พร้อมวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2018 และพร้อมวางจำหน่ายทั่วโลก วันที่ 1 มิถุนายน 2018 สำหรับในประเทศไทยเอง ก็คงต้องรอลุ้นกันดูว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายเมื่อไหร่และมีราคาเท่าไร แต่ราคาก็ไม่ขึ้นลงจากนี้เท่าไหร่นัก เตรียมเงินกันไว้ได้เลย